น้ำมันเบรคคืออะไร

จริงๆ แล้วน้ำมันเบรคนี้ ไม่ใช่น้ำมัน แต่เป็นสารผสมจำพวกอีเทอร์(Ether)และไกลคอล (Glycol)ปัจจุบันบ้านเรายังไม่มีคำจำกัดความของ Brake Fluid จึงเรียกว่า “น้ำมันเบรค” เพราะมีคุณสมบัติหล่อลื่นได้เหมือนน้ำมันนั่นเองครับ แต่ด้วยส่วนประกอบ 2 ตัวนี้ทำให้น้ำมันเบรคสามารถดูดซับความชื้นได้ดีมากแม้กับแค่อากาศหรือลมก็ตาม ประเภทของน้ำมันเบรคปัจจุบันมี 3 ประเภทครับ คือ Dot3 Dot4 Dot5 แต่ก็ยังมีแยกย่อยลงไปอีกเป็น Dot3 ธรรมดา、Super Dot3, Dot4 ธรรมดาม、Super Dot4 Dot 5.1 รถยนต์ในไทยปัจจุบันใช้ Dot3 และ Dot4 ส่วน Dot5.1 นั้นสำหรับ Super Car หรือรถ Performance สูง ที่แตกต่างของแต่ละประเภทคือจุดเดือด ส่วนเรื่องคุณภาพนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อแล้วครับ สามารถดูได้จากตารางด้านล่างนี้เลย

จะรู้ได้อย่างไรว่า “รถของเราใช้น้ำมันเบรค Dot ไหน”

สามารถตรวจสอบเองได้จากกระปุกของน้ำมันเบรค จะมีเขียนบอกไว้ รถรุ่นเก่าๆ หน่อยอาจจะใช้ Dot3 รุ่นกลาง – ใหม่ จะสามารถใช้ได้ทั้ง Dot3 และ Dot4 รถที่ใช้ Dot3 สามารถใช้ Dot4 ทดแทนได้ แต่ว่ารถที่ใช้ Dot4 ไม่สามารถลดกลับไปใช้ Dot3 เพราะจุดเดือดของ Dot3 น้อยกว่า ซึ่งอาจจะเกิดปัญหากับระบบเบรกได้ดังนั้น การเลือกใช้น้ำมันเบรค สิ่งที่พวกเราควรจะรู้ก็คือ เนื่องจากน้ำมันเบรค DOT 5 ที่มี Selicone Based oil มีคุณสมบัติที่ไม่ดูดความชื้นและแยกตัวออกจากน้ำแตกต่างจากน้ำมันเบรค DOT3, DOT4 ที่มี Glycol based oil ที่ดูดความชื้นง่ายและรวมตัวกับน้ำได้ จึงไม่สามารถผสมปนกันได้ และที่สำคัญคือ น้ำมันเบรค DOT 5 ไม่สามารถใช้ได้กับระบบเบรค ABS จึงมีน้ำมันเบรค DOT 5.1 ที่มีส่วนผสมของ Glycol Ether/Borate Ester สำหรับรถรุ่นใหม่ที่มีระบบเบรค ABS

รถยนต์โดยส่วนมาก มักจะใช้น้ำมันเบรค DOT 3 หรือ น้ำมันเบรค DOT 4 มากกว่า โดยน้ำมันเบรค DOT3 ส่วนใหญ่จะประกอบด้วย Polyalkylene Glycol Ether กับ Glycols based oil ส่วน DOT 4 จะผสม Borate Esters เพิ่มเข้าไปด้วย ซึ่งส่งผลให้มีจุดเดือดที่สูงกว่า และ DOT 4 ของผู้ผลิตหลายรายมีจุดเดือดสูงกว่า DOT 5.1

หากคุณใช้น้ำมันเบรค DOT ไหน ก็ให้ใช้เหมือนเดิมถ้าต้องการประหยัดค่าซ่อมบำรุง เพราะน้ำมันเบรคแต่ละชนิดและแต่ละ DOT ห้ามผสมหรือเจือปนเด็ดขาด เพราะจะส่งผลต่อการลดอายุการใช้งานของระบบเบรคได้ ทางที่ดี หากอยากเปลี่ยนเป็นยี่ห้อใหม่หรือเปลี่ยน DOT ก็ควรถ่ายน้ำมันเบรคของเดิมออกให้หมดก่อน และอย่าลืมจดจำเอาไว้ว่าล่าสุดใช้ยี่ห้ออะไรและ DOT เท่าไหร่ เมื่อต้องเปลี่ยนน้ำมันเบรคจะได้หาซื้อน้ำมันเบรคได้ถูกต้อง

คุณสมบัติน้ำมันเบรค ที่ดีมีอะไรบ้าง?

จุดเดือดของน้ำมันเบรค

จุดเดือดของน้ำมันเบรคเป็นจุดสำคัญที่บ่งบอกถึงคุณภาพและประสิทธิภาพของการเบรค เพราะเมื่อมีการเบรคความร้อนจะเกิดขึ้นจากการเสียดสีของผ้าเบรคกับจานเบรคหรือดรัมเบรค และความร้อนดังกล่าวก็จะถูกถ่ายทอดโดยตรงไปยังน้ำมันเบรค ทำให้น้ำมันเบรคมีอุณหภูมิสูงขึ้นมากกว่าปกติ ทำให้ต้องใช้น้ำมันเบรคที่มีจุดเดือดสูงเป็นพิเศษ ความร้อนที่เกิดขึ้นในระบบเบรคและจุดเดือดของน้ำมันเบรคเป็นสาเหตุสำคัญที่จะทำให้น้ำมันเบรคเกิดการเดือดจนกลายเป็นไอ ซึ่งทำให้เกิดฟองอากาศหรือที่เรียกว่า อาการเวเปอร์ล็อก(Vapour lock) ขึ้นในระบบเบรค ซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งในการขับรถ

ปฏิกิริยาที่มีซีลยาง

น้ำมันเบรคที่ดีต้องมีคุณสมบัติที่จะไม่ทำปฏิกิริยากับซีลยางและท่อยาง คือไม่ทำให้ซีซีลยางแข็งตัวหรืออ่อนตัว และที่สำคัญจะต้องไม่ทำให้ซีลยางเกิดการหดตัวหรือขยายตัวเกินขนาด หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า ซีลบวม เพราะถ้าขนาดของซีลยางเปลี่ยนไป ระบบเบรคก็อาจจะเกิดการรั่วซึมได้ง่ายขึ้น

การกัดกร่อน

น้ำมันเบรคที่ดีจะต้องมีคุณสมบัติที่ไม่ทำปฏิกิริยากับโลหะ เช่น เหล็ก ทองแดง ทองเหลือง และอลูมิเนียม และน้ำมันเบรคต้องมีสารเพิ่มคุณภาพในการป้องกันการกัดกร่อนโลหะ เนื่องจากเวลาน้ำมันเบรคดูดซึมน้ำเข้าไปจะทำให้น้ำทำปฏิกิริยากับโลหะต่างๆได้ง่าย

การหล่อลื่น

น้ำมันเบรคที่ดีต้องช่วยหล่อลื่นชิ้นส่วนที่เกิดการเคลื่อนที่ได้ และช่วยลดแรงเสียดทานที่จะทำให้ชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่เกิดการสึกหรอน้อยลง

ความสามารถในการผสมกัน

ความสามารถในการผสมกันได้ น้ำมันเบรคที่เป็นมาตรฐานเดียวกันและผลิตจากมาตรฐานเดียวกัน จะต้องสามารถรวมตัวกันได้ดีโดยไม่ทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ ในระบบเบรคเกิดการเสียหาย อันเนื่องมาจากปฏิกิริยาการผสมกันของน้ำมันเบรคเหล่านั้น

การดูแลรักษาเบรค

ถ้าพบว่าระดับน้ำมันเบรคพร่องลงไปจากขีดบอกระดับสูงสุด (Max) เพราะการสึกหรอของผ้าเบรค ก็อาจต้องเติมน้ำมันเบรคจนถึงระดับสูงสูด แต่ถ้าระดับน้ำมันเบรคลดลงมากเกินครึ่งจากระดับสูงสุด ต้องรีบตรวจหาสาเหตุ ซึ่งอาจจะมีจุดรั่วซึม เช่นที่ลูกยางเบรคที่ล้อ ที่ขั้วต่อของท่อเบรคจุดต่างๆ

แต่ถ้าต้องเปลี่ยนน้ำมันเบรค นอกจากยี่ห้อ ความจุ และราคาน้ำมันเบรคแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือระดับมาตรฐานของน้ำมันเบรคขวดใหม่ ซึ่งตัวน้ำมันเบรคจะมีการกำหนดค่ามาตรฐานสำหรับน้ำมันเบรคที่เรียกว่า DOT ซึ่งส่วนผสมของสารเคมีที่แตกต่าง ก็จะให้ค่าจุดเดือดที่แตกต่าง ทั้งจุดเดือดแห้งและจุดเดือดเปียก